วันอาทิตย์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2558
มาทำความเข้าใจกับกีฬาฟุตบอลกัน
กีฬาฟุตบอล
ประวัติฟุตบอลและกติกา ทั้ง ประวัติฟุตบอลไทย ประวัติฟุตบอลโลก มีความเป็นมาอย่างไร อ่าน ประวัติฟุตบอลและกติกาการเล่นฟุตบอล กัน
นับได้ว่า ฟุตบอล เป็นกีฬาที่มีคนสนใจอยู่ทั่วมุมโลก เห็นได้จากเวลาที่มีการแข่งขันรายการใหญ่อย่างฟุตบอลโลก หรือฟุตบอลยูโร ก็จะมีบริษัทต่าง ๆ ผลิตสินค้าเกี่ยวกับการแข่งขันออกมาขายตอบสนองความต้องการของแฟนบอลในตลาดเสมอ เช่น แก้วฟุตบอลโลก เสื้อแข่ง เป็นต้น จึงเป็นหลักฐานชี้ชัดว่า กีฬาชนิดนี้ ได้รับความนิยมไปทั่วโลกจริง ๆ โดยเฉพาะประเทศไทย ที่ประชาชนสนใจกีฬาฟุตบอลเป็นอันดับ 1 อยู่แล้ว และวันนี้เรามี ประวัติฟุตบอลและกติกา ทั้ง ประวัติฟุตบอลไทย ประวัติฟุตบอลโลก เพื่อทำให้ผู้อ่านเกิดอรรถรสในการรับชมการแข่งขันยิ่งขึ้น
แหล่งอ้างอิง
กระปุกดอทคอม.2558.ประวัติฟุตบอล.แหล่งทีมา:http://hilight.kapook.com/view/72210.7/09/2558.EX.
ประวัติฟุตบอลในประเทศไทยและต่างประเทศ
ประวัติฟุตบอลโลก
จุดเริ่มต้นของกีฬาฟุตบอล ไม่มีหลักฐานชี้ชัดว่ากำเนิดมาจากที่ใดกันแน่ เพราะแต่ละชาติต่างออกมายืนยันว่าประเทศตนเองเป็นประเทศต้นกำเนิด เช่น อิตาลี กับ ฝรั่งเศส ก็มีการเล่น ซูเลอ หรือ จิโอโค เดล คาซิโอ ซึ่งมีกติกาคล้ายกับฟุตบอล เป็นต้น อย่างไรก็ตาม จุดเริ่มต้นของฟุตบอลที่มีหลักฐานอย่างเป็นทางการ เริ่มตั้งแต่ ปี ค.ศ. 1863 (พ.ศ. 2406) ที่ประเทศอังกฤษ มีการจัดตั้งสมาคมฟุตบอลอังกฤษในปีนั้น และเริ่มมีการแข่งขันฟุตบอลลีกเป็นครั้งแรก ใน ค.ศ. 1888 (พ.ศ. 2431) และเริ่มมีการแข่งขันระหว่างประเทศครั้งแรกในปี ค.ศ. 1889 (พ.ศ. 2432)ในปี ค.ศ. 1904(พ.ศ. 2447) เริ่มก่อตั้งสมาพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่าขึ้น และมีการแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งแรกใน ค.ศ. 1930 (พ.ศ. 2473) ที่ประเทศอุรุกวัย
กีฬาฟุตบอลในประเทศไทย
สำหรับกีฬาฟุตบอลในประเทศไทย เริ่มเข้ามาในยุคพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 โดยมีเจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรีนำเข้ามา จากการไปเรียนที่ต่างประเทศ ซึ่งใน พ.ศ. 2443 มีการแข่งขันฟุตบอลเป็นครั้งแรกระหว่างทีมชุดบางกอก กับชุดกรมศึกษาธิการ ที่สนามหลวง ปรากฎว่าเสมอกัน2-2
ต่อมาในยุคสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6พระองค์ทรงสนใจกีฬาฟุตบอลอย่างมาก มีทีมฟุตบอลส่วนพระองค์ คือ ทีมเสือป่า และมีการเผยแพร่ข่าวสาร การเล่น เกี่ยวกับฟุตบอลอย่างแพร่หลาย นอกจากนี้ สมาคมฟุตบอลแห่งสยาม ถูกก่อตั้งขึ้นเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2459 อีกด้วย

สนามแข่งขันฟุตบอล
สนามฟุตบอล ไม่ได้มีการกำหนดขนาดไว้แบบตรง ๆ เนื่องจากในพื้นที่แต่ละสนาม อาจมีพื้นที่ไม่เท่ากัน แต่ได้มีการกำหนดด้านยาว กว้างประมาณ 100-130 หลา ส่วนด้านกว้าง กว้างประมาณ 50-100 หลา โดยแบ่งเขตแดนออกเป็น 2ฝั่ง อย่างละเท่า ๆ กัน มี ประตูขนาดกว้าง 8 หลา สูง 8 ฟุต มีเขตโทษ ซึ่งนับห่างจากโกล ห่าง 18 หลา ส่วนพื้นสนามฟุตบอล ใช้หญ้าแท้หรือหญ้าเทียมก็ได้
ลูกฟุตบอล
ลูกฟุตบอลมีลักษณะเป็นทรงกลม ขนาดเส้นรอบวงไม่เกิน 27-28 นิ้ว และหนัก 400-450 กรัม
จำนวนผู้เล่นฟุตบอล
มีจำนวนฝั่งละ 11 คน โดยที่เป็นผู้รักษาประตู 1 คน มีหน้าที่ป้องกันไม่ให้ฝั่งตรงข้ามยิงประตูได้
วิธีการเล่นฟุตบอล
ผู้เล่นจะใช้เท้าเล่นเป็นหลัก โดยสามารถใช้อวัยวะส่วนอื่นที่ไม่ใช่แขนและมือ ในการเล่นได้ด้วย โดยมีเป้าหมายคือ การทำประตูฝ่ายตรงข้ามให้ได้

แหล่งอ้างอิง
กระปุกดอทคอม.2558.ประวัติฟุตบอล.แหล่งทีมา:http://hilight.kapook.com/view/72210.7/09/2558.EX.
กติกาฟุตบอล
กติกาการเล่นฟุตบอล
เวลาในการแข่งขัน การแข่งขันแบ่งออกเป็น 2 ครึ่ง ครึ่งละ 45 นาที โดยทั้ง 2 ฝั่งมีหน้าที่ยิงประตูฝั่งตรงข้ามให้ได้มากกว่า ทั้งนี้ หากเสมอกันในการแข่งขันฟุตบอลรายการแพ้คัดออก จะต่อเวลาเพิ่มอีกครึ่งละ 15 นาที รวม 2 ครึ่ง30 นาทีด้วยกัน และถ้าหากยังตัดสินผู้ชนะไม่ได้ ก็จะดวลจุดโทษตัดสินฝั่งละ 5ลูก ซึ่งถ้าหากตัดสินไม่ได้อีก ก็จะยิงทีละ 1 ต่อ 1 คือ หากใครยิงพลาด และอีกฝ่ายยิงได้ ก็เกมจบทันที อย่างไรก็ตาม เมื่อยิงครบ 11 คนแล้วตัดสินผู้ชนะไม่ได้ ก็จะวนกลับมายิงใหม่ที่คนแรก ไปเรื่อย ๆ
การผิดกติกา ก็มี การที่ไม่ใช่ผู้รักษาประตูแล้วใช้มือเล่น หรือ การพยายามขัดขวางการเล่นของฝั่งตรงข้าม เช่น ชน กระแทก ผู้เล่นที่มีบอล ก็คือว่าเป็นการฟาล์ว และฝ่ายที่ถูกทำฟาล์ว ก็จะได้ลูกตั้งเตะ แต่ถ้าฝ่ายบุกถูกทำฟาล์วในเขตโทษของฝ่ายรับ ก็จะเป็นลูกจุดโทษ ที่ฝ่ายบุกจะได้โอกาสยิงแบบ 1 ต่อ 1กับผู้รักษาประตูฝ่ายรับ
กรณีที่ฟุตบอลออกข้าง ฝ่ายที่ไม่ได้ทำให้ออกข้างจะเป็นฝ่ายได้ทุ่ม ส่วนกรณีบอลออกหลัง ถ้าเป็นฝ่ายเจ้าของแดนทำออกหลังเอง ฝ่ายที่เดินหน้าบุก จะได้เตะมุมเข้ามา แต่ถ้าเป็นฝ่ายบุกที่ทำออก จะเป็นลูกตั้งเตะจากประตู
ใบเหลือง-ใบแดง จะแจกก็ต่อเมื่อมีผู้เล่นที่ทำผิดกติกา ในลักษณะที่รุนแรง หรือ การถ่วงเวลา ผู้ตัดสินก็จะให้ใบเหลืองแก่คนที่ผิดกติกา ส่วนใบแดง ผู้ตัดสินจะให้ก็ต่อเมื่อ มีการทำฟาล์วที่รุนแรงมาก เช่น ทำให้ได้รับบาดเจ็บหนัก หรือ เล่นอันตรายอย่างการเปิดปุ่มสตั๊ดไปที่ขาของฝ่ายตรงข้าม เป็นต้น นอกจากนี้ การได้ใบแดง จะมีอีกกรณีหนึ่งคือ การทำฟาล์วแบบไม่รุนแรง แต่ฟาล์วขณะที่ฝั่งตรงข้ามกำลังจะทำประตูได้ ก็ได้รับใบแดงเช่นกัน
การล้ำหน้า คือ การจ่ายบอลไปยังผู้เล่นที่ยืนอยู่สูงกว่าผู้เล่นฝั่งตรงข้ามในลำดับรองสุดท้าย
การคิดคะแนนการเล่นฟุตบอล
นับจากจำนวนลูกฟุตบอลที่ผ่านเส้นประตูเข้าไปอย่างเต็มใบ ภายในเวลาที่กำหนดในการแข่งขัน (90 นาที)
และนี่ก็คือกติกาเบื้องต้นที่เข้าใจง่าย ในการแข่งขันกีฬาฟุตบอล กีฬายอดฮิตของคนไทย ซึ่งคาดว่าจะทำให้ผู้อ่านสามารถดูฟุตบอลได้อย่างเข้าใจง่ายขึ้น
แหล่งอ้างอิง
กระปุกดอทคอม.2558.ประวัติฟุตบอล.แหล่งทีมา:http://hilight.kapook.com/view/72210.7/09/2558.EX.





การคิดคะแนนการเล่นฟุตบอล
นับจากจำนวนลูกฟุตบอลที่ผ่านเส้นประตูเข้าไปอย่างเต็มใบ ภายในเวลาที่กำหนดในการแข่งขัน (90 นาที)
และนี่ก็คือกติกาเบื้องต้นที่เข้าใจง่าย ในการแข่งขันกีฬาฟุตบอล กีฬายอดฮิตของคนไทย ซึ่งคาดว่าจะทำให้ผู้อ่านสามารถดูฟุตบอลได้อย่างเข้าใจง่ายขึ้น
แหล่งอ้างอิง
กระปุกดอทคอม.2558.ประวัติฟุตบอล.แหล่งทีมา:http://hilight.kapook.com/view/72210.7/09/2558.EX.
ทักษะการเล่นฟุตบอล
ทักษะการเล่นฟุตบอล
ทักษะการเดาะลูกบอล
สาระสำคัญ
การเดาะลูกบอลเป็นการบังคับลูกบอลโดยใช้ส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย คือ หลังเท้า เข่า หน้าขา ศีรษะ ข้างเท้าด้านนอก ข้างเท้าด้านใน หน้าอกและไหล่
ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง
มีความรู้มีความเข้าใจวิธีการเดาะลูกบอลและสามารถนำไปสู่ การปฏิบัติได้
สาระการเรียนรู้
การเดาะลูกบอลประกอบด้วยท่าต่างๆดังนี้
การเดาะลูกบอลด้วยหลังเท้า
การเดาะลูกบอลด้วยเข่าหรือหน้าขา
การเดาะลูกบอลด้วยศีรษะ
การเดาะลูกบอลด้วยข้างเท้าด้านใน
การเดาะลูกบอลด้วยเท้าด้านหลัง
ควรเริ่มด้วยการฝึกในสภาพพื้นสนามที่เป็นปูนซีเมนต์ พื้นไม้ หรือที่เรียบเพื่อต้องการให้ลูกบอลกระดอน การตกหนึ่งครั้งแล้วเดาะด้วยหลังเท่าหนึ่งครั้งสลับกัน จะทำให้มีความรู้สึกสัมผัสที่ถูกต้องรู้ว่าลูกบอลลอยขึ้นลงอย่างไร ฝึกจนเกิดความชำนาญจึงค่อยๆเริ่มเดาะลูกบอลไม่ให้ตกพื้น แล้วเคลื่อนที่เดาะจากช้าไปสู่เร็ว
การเดาะบอลด้วยหลังเท้าจะนำไปสู่การรับลูกบอล การส่งลูกบอลและการยิงประตูด้วยหลังเท้าที่แม่นยำ

การเดาะลูกบอลด้วยเข่าหรือหน้าขา
การฝึกเริ่มด้วยผู้ฝึกจับลูกบอลสองมือเหนือหน้าขาประมาณ1ฟุต
ปล่อยลูกบอลลงพร้อมยกเข่าขึ้นเดาะแล้วจับลูกบอลไว้แล้วปล่อยลงสลับขาไปเรื่อยๆ
เมื่อเกิดความชำนาญแล้วไม่ต้องใช้มือช่วยให้ฝึกอยู่กับที่และเคลื่อนที่

การเดาะลูกบอลด้วยศรีษะ
จุดที่ใช้เดาะคือหน้าผากบริเวณเหนือคิ้วใต้ตีนผม
เพราะเป็นจุดที่สามารถรับแรงปะทะได้ดีที่สุด
การฝึกให้เงยหน้าเกรงคอปรับระดับหน้าผากให้ขนานกับพื้น
ใช้มือช่วยจับลูกบอลโยนสูงไม่เกินสองฟุตจากหน้าผาก
ใช้แรงจากการย่อเข่าลำตัวยึดเข้าปะทะลูกเดาะหนึ่งครั้งใช้มือช่วยรับลูกเมื่อเกิดความชำนาญแล้วเลิกใช้มือช่วย

การเดาะลูกบอลด้วยข้างเท้าด้านใน
ใช้วิธีการเดียวกับการเดาะบอลด้วยหลังเท้าให้ลูกบอลตกกระดอนแล้วใช้ข้างเท้าด้านในเดาะเกร็งข้อเท้า จุดสัมผัสลูกบอลตั้งแต่ตาตุ่มไปถึง ขอบรองเท้าตก –เดาะสลับกันและสลับเท้าจนเกิดความแม่นยำชำนาญให้ฝึกอยู่กับที่แล้วฝึกแบบเคลื่อนที่

สาระสำคัญ
การเดาะลูกบอลเป็นการบังคับลูกบอลโดยใช้ส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย คือ หลังเท้า เข่า หน้าขา ศีรษะ ข้างเท้าด้านนอก ข้างเท้าด้านใน หน้าอกและไหล่
ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง
มีความรู้มีความเข้าใจวิธีการเดาะลูกบอลและสามารถนำไปสู่ การปฏิบัติได้
สาระการเรียนรู้
การเดาะลูกบอลประกอบด้วยท่าต่างๆดังนี้
การเดาะลูกบอลด้วยหลังเท้า
การเดาะลูกบอลด้วยเข่าหรือหน้าขา
การเดาะลูกบอลด้วยศีรษะ
การเดาะลูกบอลด้วยข้างเท้าด้านใน
การเดาะลูกบอลด้วยเท้าด้านหลัง
ควรเริ่มด้วยการฝึกในสภาพพื้นสนามที่เป็นปูนซีเมนต์ พื้นไม้ หรือที่เรียบเพื่อต้องการให้ลูกบอลกระดอน การตกหนึ่งครั้งแล้วเดาะด้วยหลังเท่าหนึ่งครั้งสลับกัน จะทำให้มีความรู้สึกสัมผัสที่ถูกต้องรู้ว่าลูกบอลลอยขึ้นลงอย่างไร ฝึกจนเกิดความชำนาญจึงค่อยๆเริ่มเดาะลูกบอลไม่ให้ตกพื้น แล้วเคลื่อนที่เดาะจากช้าไปสู่เร็ว
การเดาะบอลด้วยหลังเท้าจะนำไปสู่การรับลูกบอล การส่งลูกบอลและการยิงประตูด้วยหลังเท้าที่แม่นยำ

การเดาะลูกบอลด้วยเข่าหรือหน้าขา
การฝึกเริ่มด้วยผู้ฝึกจับลูกบอลสองมือเหนือหน้าขาประมาณ1ฟุต
ปล่อยลูกบอลลงพร้อมยกเข่าขึ้นเดาะแล้วจับลูกบอลไว้แล้วปล่อยลงสลับขาไปเรื่อยๆ
เมื่อเกิดความชำนาญแล้วไม่ต้องใช้มือช่วยให้ฝึกอยู่กับที่และเคลื่อนที่

การเดาะลูกบอลด้วยศรีษะ
จุดที่ใช้เดาะคือหน้าผากบริเวณเหนือคิ้วใต้ตีนผม
เพราะเป็นจุดที่สามารถรับแรงปะทะได้ดีที่สุด
การฝึกให้เงยหน้าเกรงคอปรับระดับหน้าผากให้ขนานกับพื้น
ใช้มือช่วยจับลูกบอลโยนสูงไม่เกินสองฟุตจากหน้าผาก
ใช้แรงจากการย่อเข่าลำตัวยึดเข้าปะทะลูกเดาะหนึ่งครั้งใช้มือช่วยรับลูกเมื่อเกิดความชำนาญแล้วเลิกใช้มือช่วย

การเดาะลูกบอลด้วยข้างเท้าด้านใน
ใช้วิธีการเดียวกับการเดาะบอลด้วยหลังเท้าให้ลูกบอลตกกระดอนแล้วใช้ข้างเท้าด้านในเดาะเกร็งข้อเท้า จุดสัมผัสลูกบอลตั้งแต่ตาตุ่มไปถึง ขอบรองเท้าตก –เดาะสลับกันและสลับเท้าจนเกิดความแม่นยำชำนาญให้ฝึกอยู่กับที่แล้วฝึกแบบเคลื่อนที่

แหล่งอ้างอิง
iang2013.2558.ทักษะการเล่นฟุตบอล.แหล่งที่มา:https://iang2013.wordpress.com.07.09.2558.EX.
ทักษะการหยุดลูกบอล
ทักษะการหยุดลูกบอล
สาระสำคัญ
การหยุดลูกบอล คือ การทำให้ลูกบอลที่เคลื่อนที่มาหยุดนิ่ง โดยการใช้ฝ่าเท้าและส่วนต่าง ๆ ในร่างกายหยุดลูกบอล ได้แก่ ฝ่าเท้า ข้างเท้าด้านใน ข้างเท้าด้านนอก อก เข่า หน้าแข้ง หน้าท้อง ศีรษะ ในการหยุดลูกบอลจึงเป็นทักษะสำคัญในการเล่นฟุตบอลอีกทักษะหนึ่ง ในการเล่นฟุตบอลที่ดี
ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง
มีความรู้มีความเข้าใจวิธีการหยุดลูกบอลและสามารถนำไปสู่การปฏิบัติได้
สาระการเรียนรู้
การหยุดลูกบอลด้วยข้างเท้าด้านใน
การหยุดลูกบอลด้วยข้างเท้าด้านนอก
การหยุดลูกบอลด้วยฝ่าเท้า
การหยุดลูกบอลด้วยข้างเท้าด้านใน
1.เมื่อลูกบอลกลิ้งมากับพื้นให้หันหน้าเข้าหาลูกบอลหรือวิ่งเข้าหา ลูกบอล
2.สายตามองดูลูกจรดเท้าข้างไม่ใช่หยุดลงบนพื้นให้ปลายเท้าตรงไปข้างหน้ายกเท้าข้างที่จะใช้หยุดขึ้นจากพื้นเล็กน้อย หันปลายเท้าออกข้างนอก
3.ขณะที่ลูกบอลเคลื่อนใกล้เข้ามาในระยะที่พอจะหยุดได้แล้ว ให้เหยียดเท้าข้างที่จะใช้หยุดรับออกไปรับลูกบอลกระทบข้าง ด้านใน
4.ขณะที่ลูกบอลกระทบเท้าให้ดึงเท้ากลับมาข้างหลัง เพื่อผ่อนตามแรงของลูกโดยเร็ว การปฏิบัติดังกล่าวจะทำให้ลูกบอลอยู่ในครอบครองของเท้าและไม่กระดอนออกไปห่างจากตัว
การหยุดลูกบอลด้วยข้างเท้าด้านนอก
การหยุดบอลด้วยข้างเท้าด้านนอก คือ การหยุดลูกโดยใช้หลังเท้าข้างนอกตรงด้านนิ้วก้อยหรือรับลูกที่มาทางด้านข้าง เช่นทางขวาและจะเล่นต่อไปทางขวา โดยไม่ต้องเสียเวลาหมุนตัวหาทิศทาง แต่โอกาสที่เล่นพลาดมีได้ง่าย ควบคุมลูกไว้ยากเพราะลูกมักจะกระดอนไปไกล
วิธีการหยุดลูกบอลด้วยข้างเท้าด้านนอก มีดังนี้
แหล่งอ้างอิงวิธีการหยุดลูกบอลด้วยข้างเท้าด้านนอก มีดังนี้
1.หันหน้าเข้าหาลูกบอล สายตามองดูลูกบอลตลอดเวลา ต้องทรงตัวให้ดีโดยการกางแขนออก ย่อตัวลงเล็กน้อย
2.ใช้ข้างเท้าที่ไม่ใช้หยุดลูกบอลเป็นเท้าหลักและรับน้ำหนักแล้ว ให้ ลูกบอลตกทางด้านตรงข้างกับเท้าที่จะใช้หยุด
3.ยกเท้าข้างที่จะใช้หยุดไปรับลูกที่กลิ้งมากับพื้นหรือกระดอนขึ้นจากพื้น โดยใช้ข้างเท้าด้านนอกประคองลูกลงสู่พื้นเบา ๆ เมื่อ ลูกบอลกระทบเท้าให้ผ่อนความแรงเล็กน้อย
การหยุดลูกบอลด้วยฝ่าเท้า
1.เมื่อลูกบอลกลิ้งมากับพื้นให้หันหน้าเข้าหาลูกบอลพร้อมกับยกเท้าข้างที่จะหยุดขึ้นยกปลายเท้าให้เงยขึ้น สันเท้าห่างขึ้นประมาณ 3 นิ้ว
2.ย่อตัวลงกางและแขนออก โน้มตัวไปข้างหน้า เข่าของเท้าจะหยุดงอเล็กน้อย เมื่อลูกบอลกลิ้งผ่านมาจนอยู่ใต้ฝ่าเท้าให้ใช้ฝ่าเท้าประกบลูกบอลที่กลิ้งมากับพื้น โดยกดปลายเท้าลงเบา ๆ พร้อมกับเหยียดขาลงเล็กน้อย
3.ถ้าลูกบอลกลิ้งมาแรงให้ผ่อนแรงเท้าตามความแรงของลูก เพื่อไม่ให้ลูกกระดอนไปจากเท้าอย่าใช้วิธีกระทืบลูกบอล
iang2013.2558.ทักษะการเล่นฟุตบอล.แหล่งที่มา:https://iang2013.wordpress.com.07.09.2558.EX.
ทักษะการเลี้ยงลูกบอล
ทักษะการเลี้ยงลูกบอล
การเลี้ยงลูกบอล หมายถึง การพาลูกบอลไปด้วยการใช้เท้าทั้งสองเข้าสลับกัน จะเป็นการเดินหรือวิ่งก็ตาม เราสามารถที่จะไปได้ตามทิศทางที่ต้องการ ช้า เร็ว หรือหลบหลีกด้วยการใช้เท้าทั้งสองข้างบังคับลูก รวมทั้งการหลอกล่อ ป้องกันหรือเพื่อการพาไปยิงประตู
การเลี้ยงลูกบอลหรือบังคับลูกบอลให้อยู่ในครอบครองนับว่ามีประโยชน์มากในการเล่นฟุตบอล เพราะผู้ที่จะเล่นฟุตบอลให้ได้ดีนั้น จะต้องมีความคุ้นเคยต่อลูกบอลก่อน ทั้งต้องรู้จักวิธีบังคับ ลูกบอลด้วยการเลี้ยง การเดาะ การโหม่ง เพื่อหลบหลีกฝ่ายตรงข้ามและเคลื่อนไหวไปตามทิศทางที่ต้องการ ทักษะดังกล่าวจำเป็นต้องฝีกหัดจนรู้จังหวะของลูก การเตะลูกความแรงและวิถีของลูกรวมทั้งความอ่อนตัว ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ตลอดจนสายตาของผู้เลี้ยง ลูกบอลก็มีส่วนสำคัญมาก
การเลี้ยงลูกบอลด้วยข้างเท้าด้านใน
การเลี้ยงลูกบอลหรือบังคับลูกบอลให้อยู่ในครอบครองนับว่ามีประโยชน์มากในการเล่นฟุตบอล เพราะผู้ที่จะเล่นฟุตบอลให้ได้ดีนั้น จะต้องมีความคุ้นเคยต่อลูกบอลก่อน ทั้งต้องรู้จักวิธีบังคับ ลูกบอลด้วยการเลี้ยง การเดาะ การโหม่ง เพื่อหลบหลีกฝ่ายตรงข้ามและเคลื่อนไหวไปตามทิศทางที่ต้องการ ทักษะดังกล่าวจำเป็นต้องฝีกหัดจนรู้จังหวะของลูก การเตะลูกความแรงและวิถีของลูกรวมทั้งความอ่อนตัว ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ตลอดจนสายตาของผู้เลี้ยง ลูกบอลก็มีส่วนสำคัญมาก
การเลี้ยงลูกบอลด้วยข้างเท้าด้านใน
1.ให้ใช้สายตาชำเลืองดูที่ลูกบอล
2.ใช้ข้างเท้าด้านใน (ลูกแป) สัมผัสลูกบอลเบาๆ
3.การพาลูกบอลให้เคลื่อนที่ไปนั้นต้องสัมผัสเบาๆ ไม่ใช่การเตะและลูกบอลต้องห่างตัวไม่เกิน1 ก้าว
4.ให้ใช้ข้างเท้าด้านในทั้ง 2 ข้างสัมผัสสลับกันไป
5.ในขณะที่เลี้ยงลูกบอล ต้องไม่เกร็งตัวหรือส่วนต่างๆ โดยเฉพาะเอวต้องอ่อน
การเลี้ยงลูกบอลด้วยข้างเท้าด้านนอก
1.ตามองไปยังทิศทางที่พาลูกไป หรือชำเลืองดูลูกบอลเป็น ครั้งคราว
2.ใช้เท้าด้านนอกทั้งเท้าซ้ายและเท้าขวาหรืออาจจะใช้ข้างเท้า ด้านในและด้านนอกช่วยในบ้างโอกาส
3.เขี่ยลูกบอลไปข้างหน้าเบา ๆ แล้วจึงตามลูกไป ให้น้ำหนักตัวโน้มไปข้างหน้า เข่าอยู่เหนือลูก ปลายเท้าบิดเข้าข้างในเล็กน้อยในขณะที่เขี่ยลูกควรวิ่งด้วยปลายเท้าเพื่อสะดวกต่อการเขี่ยลูก
การเลี้ยงลูกบอลด้วยหลังเท้า
1.การเลี้ยงลูกด้วยหลังเท้ามีลักษณะเช่นเดียวกับการเลี้ยงลูกด้วยข้างเท้าด้านใน และการเลี้ยงลูกบอลให้ลูกบอลสัมผัสกับบริเวณที่เราผูกเชือกปลายเท้าเหยียดชี้ลงพื้น
2.ให้โน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย
3.อย่าใช่วิธีการเตะให้ทำเหมือนการสะกิด ควรใช้ข้อเท้าช่วย คล้ายสลัดเท้า
4.ในขณะที่วิ่งให้วิ่งโหย่งๆ ทำตัวให้เบาอย่าเกร็ง และให้ทำสลับทั้งเท้าซ้ายและเท้าขวา
แหล่งอ้างอิง
iang2013.2558.ทักษะการเล่นฟุตบอล.แหล่งที่มา:https://iang2013.wordpress.com.07.09.2558.EX.
ทักษะการโหม่งลูกฟุตบอล
ทักษะการโหม่งลูกบอล
สาระสำคัญ
การโหม่งลูกบอลเป็นการใช้ศีรษะบริเวณหน้าผากบังคับลูกบอลที่ลอยมาในอากาศให้เปลี่ยนทิศทาง หรือส่งให้เพื่อนร่วมทีม หรือเพื่อทำประตู
ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง
มีความรู้มีความเข้าใจวิธีการโหม่งลูกบอลและสามารถนำไปสู่การปฏิบัติได้
สาระการเรียนรู้
การโหม่งลูกบอลให้โด่ง
การโหม่งลูกบอลระดับอก
การโหม่งลูกบอลลงพื้น
การโหม่งให้โด่ง
เป็นการโหม่งเพื่อให้ข้ามศีรษะของ คู่ต่อสู้ที่อยู่ขวางหน้า อาจจะยืนอยู่เฉยๆ หรือกระโดดโหม่งก็ตาม เหมาะสำหรับผู้เล่นกองหลังหรือกองกลาง
วิธีการปฏิบัติ
ให้เงยหน้า เกร็งคอ เอนหลังเล็กน้อย ใช้แรงส่งขึ้นมาตั้งแต่เท้าและหัวไหล่ ลืมตา โน้มตัวกระแทกไปข้างหน้า

การโหม่งให้ลงพื้น
เป็นการโหม่งเพื่อยิงประตูหรือเปลี่ยนทิศทาง ลูกโหม่งลงพื้นนี้กองหน้ามักจะใช้ในการยิงประตู
วิธีการปฏิบัติ
หดตัว ถอยหลัง และให้คางกดชิดอกของตัวเองเหมือนก้มศีรษะลง คล้ายคำนับ และเพิ่มแรกกระแทก หรือพุ่งใส่ตัวก็ได้ เพื่อให้ลูกนั้นพุ่งได้แรงและเร็วขึ้น

การโหม่งลูกบอลเป็นการใช้ศีรษะบริเวณหน้าผากบังคับลูกบอลที่ลอยมาในอากาศให้เปลี่ยนทิศทาง หรือส่งให้เพื่อนร่วมทีม หรือเพื่อทำประตู
ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง
มีความรู้มีความเข้าใจวิธีการโหม่งลูกบอลและสามารถนำไปสู่การปฏิบัติได้
สาระการเรียนรู้
การโหม่งลูกบอลให้โด่ง
การโหม่งลูกบอลระดับอก
การโหม่งลูกบอลลงพื้น
การโหม่งให้โด่ง
เป็นการโหม่งเพื่อให้ข้ามศีรษะของ คู่ต่อสู้ที่อยู่ขวางหน้า อาจจะยืนอยู่เฉยๆ หรือกระโดดโหม่งก็ตาม เหมาะสำหรับผู้เล่นกองหลังหรือกองกลาง
วิธีการปฏิบัติ
ให้เงยหน้า เกร็งคอ เอนหลังเล็กน้อย ใช้แรงส่งขึ้นมาตั้งแต่เท้าและหัวไหล่ ลืมตา โน้มตัวกระแทกไปข้างหน้า

การโหม่งให้ลงพื้น
เป็นการโหม่งเพื่อยิงประตูหรือเปลี่ยนทิศทาง ลูกโหม่งลงพื้นนี้กองหน้ามักจะใช้ในการยิงประตู
วิธีการปฏิบัติ
หดตัว ถอยหลัง และให้คางกดชิดอกของตัวเองเหมือนก้มศีรษะลง คล้ายคำนับ และเพิ่มแรกกระแทก หรือพุ่งใส่ตัวก็ได้ เพื่อให้ลูกนั้นพุ่งได้แรงและเร็วขึ้น

แหล่งอ้างอิง
iang2013.2558.ทักษะการเล่นฟุตบอล.แหล่งที่มา:https://iang2013.wordpress.com.07.09.2558.EX
iang2013.2558.ทักษะการเล่นฟุตบอล.แหล่งที่มา:https://iang2013.wordpress.com.07.09.2558.EX
การทุ่มลูกบอล
การทุ่มลูกบอล
การทุ่มลูกบอล คือ การทุ่มลูกบอลเข้าสู่สนาม ตามกติกา เมื่อมี ลูกบอลออกทางด้านเส้นข้าง ฝ้ายตรงข้ามจะต้องมาทุ่มลูก ตรงที่จุดลูกบอลออกเข้าสู่สนามทุกครั้ง การทุ่มที่ถูกกติกาจะต้องปฏิบัติดังนี้
การทุ่มลูกบอล คือ การทุ่มลูกบอลเข้าสู่สนาม ตามกติกา เมื่อมี ลูกบอลออกทางด้านเส้นข้าง ฝ้ายตรงข้ามจะต้องมาทุ่มลูก ตรงที่จุดลูกบอลออกเข้าสู่สนามทุกครั้ง การทุ่มที่ถูกกติกาจะต้องปฏิบัติดังนี้
1.ต้องทุ่มลูกด้วยมือทั้งสองข้าง
2.ลูกบอลต้องมาจากด้านหลัง (ท้ายทอย) ผ่านศีรษะไปข้างหน้าติดต่อกันเป็นจังหวะเดียว
3.แขนทั้งสองข้างต้องตึงจะเอียงหรืองอด้านใดด้านหนึ่งไม่ได้
4.เท้าทั้งสองข้างต้องอยู่บนพื้นในขณะทุ่มจะยกข้างใดข้างหนึ่งไม่ได้
วิธีการทุ่มลูกบอล
1.จับลูกบอลด้วยฝ่ามือทั้งสองค่อนไปข้างหลังของลูกให้กระชับ แล้วยกลูกบอลข้ามศีรษะไปข้างหลัง การทุ่มต้องใช้กำลังจากแขนทั้งสองและใช้นิ้วมือกดส่งลูกบอลออกไป
2.การทุ่มด้วยมือข้างเดียวถือว่าผิดกติกา แม้ว่ามืออีกข้างหนึ่งจะช่วยประคองอยู่ก็ตาม เวลาทุ่มผู้ทุ่มจะเขย่งส้นเท้าก็ได้ แต่เท้าทั้งสองจะต้องอยู่บนพื้นตลอดเวลา
3.ขณะทุ่มลูกบอลอาจจะใช้เท้าใดเท้าหนึ่งอยู่ข้างหน้า หรือแยกเท้าห่างจากกันประมาณ 1 ช่วงไหล่ ปลายเท้าทั้งสองเสมอกันหรือเท้าชิดกันก็ได้ แต่เท้าทั้งสองต้องอยู่นอกเขตสนาม สายตามมองไปตามทิศทางที่จะทุ่ม
4.เวลาทุ่มให้งอเข่าเล็กน้อย เอนตัวไปข้างหน้าปล่อยลูกให้ออกจากมือ ในขณะที่มีอยู่เหนือศีรษะ หากต้องการให้ลูกบอลไปไกลผู้ทุ่มอาจจะ ก้าวเท้าไปข้างหน้า 1 ก้าวหรือถือลูกบอลวิ่งมาแล้วทุ่มก็ได้
แหล่งอ้างอิง
iang2013.2558.ทักษะการเล่นฟุตบอล.แหล่งที่มา:https://iang2013.wordpress.com.07.09.2558.EX
iang2013.2558.ทักษะการเล่นฟุตบอล.แหล่งที่มา:https://iang2013.wordpress.com.07.09.2558.EX
ทักษะการยิงประตู
สาระสำคัญ
การยิงประตูเป็นการฝึกสืบเนื่องมาจากการส่งและการเตะลูกบอล แต่การยิงประตูต้องเพิ่มแรงเหวี่ยง แรงดีดขณะเข้าปะทะลูกบอลมากกว่าเดิมในการยิงประตู
ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง
มีความรู้มีความเข้าใจสามารถอธิบายขั้นตอนการยิงประตูเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติจริงได้
สาระการเรียนรู้
วิธีการฝึกยิงประตู
รูปแบบการฝึกยิงประตู
การยิงประตูเป็นการฝึกสืบเนื่องมาจากการส่งและการเตะลูกบอล แต่การยิงประตูต้องเพิ่มแรงเหวี่ยง แรงดีดขณะเข้าปะทะลูกบอลมากกว่าเดิมในการยิงประตู
ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง
มีความรู้มีความเข้าใจสามารถอธิบายขั้นตอนการยิงประตูเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติจริงได้
สาระการเรียนรู้
วิธีการฝึกยิงประตู
รูปแบบการฝึกยิงประตู
การยิงประตู
ในการฝึกยิงประตูต้องฝึกจากง่ายไปสู่ยาก ดังนี้
1.ฝึกจากลูกบอลที่หยุดนิ่ง
2.ฝึกเคลื่อนที่ไปพร้อมกับลูกบอลจากช้าไปสู่เร็ว แล้วยิงประตู
3.ต้องฝึกการหลบหลีก การกลับตัว การกระโดด แล้วจึงยิงประตู
4.หากฝึกด้วยการบีบบังคับให้ยิงประตูจะต้องคำนึงถึง การนอน การนั่งการล้มลุกคลุกคลาน การพุ่ง และการสไลด์ยิงประตู
รูปแบบการฝึกยิงประตู• การฝึกยิงประตูด้วยการบังคับลูกบอลให้เลียดไปกับพื้นสนาม
• การฝึกยิงประตูด้วยลูกฮาล์ฟวอลเลย์
• การฝึกยิงประตูด้วยลูกวอลเลย์

แหล่งอ้างอิง
iang2013.2558ทักษะการเล่นฟุตบอล.แหล่งที่มา:https://iang2013.wordpress.com.07.09.2558.EX.
ประโยชน์ของการเล่นกีฬาฟุตบอล
ประโยชน์ของการเล่นกีฬาฟุตบอล เพราะเป็นกีฬาที่มีประโยชน์มากที่สุด และกีฬาฟุตบอลนั้นยังช่วยในหารฝึกฝนทางด้านทักษะทั้งทางร่างกาย และจิตใจ หรือยังช่วยในด้านความคิดสร้างสรรค์ในด้านการเล่นกีฬาฟุตบอล และให้ผู้เล่นกีฬาฟุตบอลนั้นมีไหวพริบในการที่จะทำการหลอกให้คู้ต่อสู้นั้นหลงทางโดยที่ไม่ให้คู่ต่อสู้นั้นจับการเคลื่อนไหวของนักฟุตบอลได้ และกีฬาฟุตบอลนั้นยังช่วยในการแก้ไขปัญหาอย่างฉับพลัน หรือการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างถูกต้อง และแม่ยำ เพราะนักฟุตบอลยังสานมารถที่จะนำความสามารถที่ได้จะการคิด และการวิเคราะห์ปัญหาที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันได้ดี และกีฬาฟุตบอลยังช่วยทำให้ระบบที่อยู่ภายในร่างกายของนักฟุตบอล หรือผู้ที่เล่นกีฬาฟุตบอลนั้นมีการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขั้นกว่าเดิม และยังช่วยในด้านระบบกล้ามเนื้อที่ทำให้กล้ามเนื้อนั้นเกิดความยืดหยุ่นขึ้น และ ระบบการหายใจ ระบบขับถ่าย รวมทั้งระบบไหลเวียนโลหิตในร่างกายมีการไหลเวียนได้ดีขึ้นดีขั้น เพราะการเล่นกีฬาฟุตบอลนั้นเป็นกีฬาที่ยังช่วยในการส่งเสริมทางด้านกิจกรรมที่รวมทั้งการเคลื่อนไหวของตัว และอวัยวะในร่างกายตามธรรมชาติของมนุษย์ที่เกือบทุกชนิดในร่างกาย เพราะกีฬาฟุตบอลนั้นจะต้องมีการวิ่งหลบหลีกสิ่งเกรียดขวาง และมรการหลอกล่อในการโจมตีโดยที่เข้าไปทำการแย่งชิงลูกฟุตบอลออกมาจากคู้ต่อสู้ หรือการรับลูกฟุตบอล และการส่งลูกฟุตบอล และการกระโดดเพื่อที่จะทำการหยุดลูกฟุตบอล เพราะตลอดจนการเตะลูกฟุตบอลโดยการใช้เท้าให้สัมพันธ์กับสายตาด้วย
แหล่งอ้างอิง
ฟุตบอลตั้งเราเท่านั้น.ประโยชน์ของการเล่นกีฬาฟุตบอล.http://flashwebsites.biz.07.09.2558.EX.
ประโยชน์ของการเล่นกีฬาฟุตบอล เพราะเป็นกีฬาที่มีประโยชน์มากที่สุด และกีฬาฟุตบอลนั้นยังช่วยในหารฝึกฝนทางด้านทักษะทั้งทางร่างกาย และจิตใจ หรือยังช่วยในด้านความคิดสร้างสรรค์ในด้านการเล่นกีฬาฟุตบอล และให้ผู้เล่นกีฬาฟุตบอลนั้นมีไหวพริบในการที่จะทำการหลอกให้คู้ต่อสู้นั้นหลงทางโดยที่ไม่ให้คู่ต่อสู้นั้นจับการเคลื่อนไหวของนักฟุตบอลได้ และกีฬาฟุตบอลนั้นยังช่วยในการแก้ไขปัญหาอย่างฉับพลัน หรือการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างถูกต้อง และแม่ยำ เพราะนักฟุตบอลยังสานมารถที่จะนำความสามารถที่ได้จะการคิด และการวิเคราะห์ปัญหาที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันได้ดี และกีฬาฟุตบอลยังช่วยทำให้ระบบที่อยู่ภายในร่างกายของนักฟุตบอล หรือผู้ที่เล่นกีฬาฟุตบอลนั้นมีการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขั้นกว่าเดิม และยังช่วยในด้านระบบกล้ามเนื้อที่ทำให้กล้ามเนื้อนั้นเกิดความยืดหยุ่นขึ้น และ ระบบการหายใจ ระบบขับถ่าย รวมทั้งระบบไหลเวียนโลหิตในร่างกายมีการไหลเวียนได้ดีขึ้นดีขั้น เพราะการเล่นกีฬาฟุตบอลนั้นเป็นกีฬาที่ยังช่วยในการส่งเสริมทางด้านกิจกรรมที่รวมทั้งการเคลื่อนไหวของตัว และอวัยวะในร่างกายตามธรรมชาติของมนุษย์ที่เกือบทุกชนิดในร่างกาย เพราะกีฬาฟุตบอลนั้นจะต้องมีการวิ่งหลบหลีกสิ่งเกรียดขวาง และมรการหลอกล่อในการโจมตีโดยที่เข้าไปทำการแย่งชิงลูกฟุตบอลออกมาจากคู้ต่อสู้ หรือการรับลูกฟุตบอล และการส่งลูกฟุตบอล และการกระโดดเพื่อที่จะทำการหยุดลูกฟุตบอล เพราะตลอดจนการเตะลูกฟุตบอลโดยการใช้เท้าให้สัมพันธ์กับสายตาด้วย
แหล่งอ้างอิง
ฟุตบอลตั้งเราเท่านั้น.ประโยชน์ของการเล่นกีฬาฟุตบอล.http://flashwebsites.biz.07.09.2558.EX.
ประโยชน์จากการเล่นกีฬาฟุตบอล
ประโยชน์จากการเล่นฟุตบอล สรุปได้ประมาณ 8 ข้อ ดั้งนี้
1. เล่นฟุตบอล 15 นาที ลดพลังงานสะสมได้ ประมาณ 200 กิโลแคลอรี
2. เล่นฟุตบอลเยียวยา 5 โรคร้าย
– การเล่นฟุตบอลมีประโยชน์ในการรักษาโรคมากมาย เช่น มีหลักฐานแน่ชัดว่า ผู้ป่วยโรคหืดหอบจะดีขึ้นได้จากการออกกำลังกาย
– โรคเบาหวาน มีผู้ป่วยจำนวนมากที่ใช้วิธีการควบคุมอาหาร ควบคู่กับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ทำให้ระดับน้ำตาลลงมาสู่ปกติ จนไม่ต้องฉีดยาอินซูลิน หรือกินยาลดระดับน้ำตาลหรือถ้าต้องใช้ก็เป็นจำนวนที่น้อยลง
– โรคความดันโลหิตสูง การออกกำลังกายจะช่วยให้หลอดเลือดแดงมีความยืดหยุ่นดีขึ้น ความดันโลหิตลดลงได้
– โรคถุงลมโป่งพอง เหนื่อยง่าย การออกกำลังกาย ช่วยให้การทำงานของระบบหัวใจ การไหลเวียนโลหิต และระบบการหายใจดีขึ้น
– โรคไขมันในเลือดสูง การออกกำลังกายจะช่วยลดปริมาณไขมันตัวเลว (LDL)และเพิ่มปริมาณไขมันตัวดี (HDL) ให้มากขึ้น
3. เล่นฟุตบอลป้องกันโรคกระดูกพรุน
4. เล่นฟุตบอลป้องกันโรคหัวใจและสมองขาดเลือด
5. เล่นฟุตบอลป้องกันโรคความดันโลหิตสูง
6. เล่นฟุตบอลป้องกันโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และเต้านม
7. เล่นฟุตบอลป้องกันโรคซึมเศร้า อ่อนเพลียง่าย
8. เล่นฟุตบอลป้องกันโรคอ้วน
เพื่อทราบถึงประโยชน์แล้ว อย่าลืมมาเล่นฟุตบอลกันนะครับ
แหล่งอ้างอิง
ฟุตบอลตั้งเราเท่านั้น.ประโยชน์ของการเล่นกีฬาฟุตบอล.http://flashwebsites.biz.07.09.2558.EX.
1. เล่นฟุตบอล 15 นาที ลดพลังงานสะสมได้ ประมาณ 200 กิโลแคลอรี
2. เล่นฟุตบอลเยียวยา 5 โรคร้าย
– การเล่นฟุตบอลมีประโยชน์ในการรักษาโรคมากมาย เช่น มีหลักฐานแน่ชัดว่า ผู้ป่วยโรคหืดหอบจะดีขึ้นได้จากการออกกำลังกาย
– โรคเบาหวาน มีผู้ป่วยจำนวนมากที่ใช้วิธีการควบคุมอาหาร ควบคู่กับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ทำให้ระดับน้ำตาลลงมาสู่ปกติ จนไม่ต้องฉีดยาอินซูลิน หรือกินยาลดระดับน้ำตาลหรือถ้าต้องใช้ก็เป็นจำนวนที่น้อยลง
– โรคความดันโลหิตสูง การออกกำลังกายจะช่วยให้หลอดเลือดแดงมีความยืดหยุ่นดีขึ้น ความดันโลหิตลดลงได้
– โรคถุงลมโป่งพอง เหนื่อยง่าย การออกกำลังกาย ช่วยให้การทำงานของระบบหัวใจ การไหลเวียนโลหิต และระบบการหายใจดีขึ้น
– โรคไขมันในเลือดสูง การออกกำลังกายจะช่วยลดปริมาณไขมันตัวเลว (LDL)และเพิ่มปริมาณไขมันตัวดี (HDL) ให้มากขึ้น
3. เล่นฟุตบอลป้องกันโรคกระดูกพรุน
4. เล่นฟุตบอลป้องกันโรคหัวใจและสมองขาดเลือด
5. เล่นฟุตบอลป้องกันโรคความดันโลหิตสูง
6. เล่นฟุตบอลป้องกันโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และเต้านม
7. เล่นฟุตบอลป้องกันโรคซึมเศร้า อ่อนเพลียง่าย
8. เล่นฟุตบอลป้องกันโรคอ้วน
เพื่อทราบถึงประโยชน์แล้ว อย่าลืมมาเล่นฟุตบอลกันนะครับ
แหล่งอ้างอิง
ฟุตบอลตั้งเราเท่านั้น.ประโยชน์ของการเล่นกีฬาฟุตบอล.http://flashwebsites.biz.07.09.2558.EX.
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)